ใครเป็นผู้รับผิดชอบดูแลต่อการจัดการและดูแลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้น
ปัจจุบันกิจการด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) กระทรวงพลังงาน เพื่อให้การดำเนินงานในทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติและกฎกระทรวง ทั้งนี้ก็รวมถึงทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ซึ่งนอกจากที่ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติตามกฏหมายปิโตรเลียมแล้ว ยังจะต้องดำเนินการให้มีการจัดทำรายงานแผนการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (SEM) ก่อนการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน การศึกษาและจัดส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนการเจาะ และการผลิตปิโตรเลียม ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกด้วย
อุปกรณ์พื้นฐานที่เพิ่มความปลอดภัยต่อการขุดเจาะ
ปัจจุบันในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น บังคับให้มีการจัดทำแผนรับมือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาทิเช่น การพลุ่งทะลักของน้ำมัน ณ แท่นขุดเจาะ การรั่วไหลของน้ำมันลงสู่ท้องทะเล และเหตุเพลิงไหม้ ณ แท่นผลิต ที่อาจจะส่งผลอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงได้ โดยแผนรับมือนั้น จะต้องมีการจัดเตรียมและซักซ้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงทีและเต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์
แล้วกรณีเกิดเหตุการไม่คาดฝันขึ้นล่ะ??
ปัจจุบันในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น บังคับให้มีการจัดทำแผนรับมือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาทิเช่น การพลุ่งทะลักของน้ำมัน ณ แท่นขุดเจาะ การรั่วไหลของน้ำมันลงสู่ท้องทะเล และเหตุเพลิงไหม้ ณ แท่นผลิต ที่อาจจะส่งผลอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงได้ โดยแผนรับมือนั้น จะต้องมีการจัดเตรียมและซักซ้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงทีและเต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์
การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ฝูงปลาอาศัยอยู่อย่างชุกชุมรอบแท่นผลิตปิโตรเลียมในทะเล ที่นับวันแต่จะเพิ่มขึ้นทุกปี แสดงให้เห็นว่าบริเวณรอบแท่นผลิตนั้น สามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ได้อย่างดี
ประเทศไทยกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
ประเทศไทยก็เฉกเช่นทุกประเทศในโลกที่มีความต้องการทางพลังงานที่สูงขึ้นในทุกปี ดังนั้นการสำรวจค้นหาเพื่อให้มีแหล่งและปริมาณสำรองเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการใช้จึงมีความสำคัญ จำเป็นและจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดไป อย่างไรก็ตาม ในการประกอบกิจการดังกล่าว ซึ่งดำเนินอยู่ทั้งในพื้นที่บนบกและในทะเล ก็อาจทำให้หลายคนสงสัยว่า การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น จะก่อให้เกิดส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ดำเนินการหรือไม่ มีความเสี่ยงต่ออันตรายหรือความไม่ปลอดภัยแบบไหนบ้าง
ข้อเท็จจริงที่จะสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็คือ การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในราชอาณาจักรไทยนั้น การดำเนินงานในทุกขั้นตอนของผู้รับสัมปทานจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดและจริงจังของหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ ภายใต้ข้อกำหนดทั้งของพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
นโยบายและมาตรการป้องกันเรื่องสิ่งแวดล้อม
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) ได้กำหนดไว้ว่า “ผู้รับสัมปทานจะต้องดำเนินการในด้านการป้องกันและบำบัดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมโดยต้องดำเนินการตามมาตรฐานสากล”
และตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ได้กำหนดว่า
“ในการประกอบกิจการปิโตรเลียม ผู้รับสัมปทานต้องป้องกันโดยดำเนินมาตรการอันเหมาะสมตามวิธีการปฏิบัติงานปิโตรเลียมที่ดีเพื่อมิให้ที่ใดโสโครกด้วยน้ำมัน โคลนหรือสิ่งอื่นใด ในกรณีที่ที่ใดเกิดความโสโครกด้วยน้ำมัน โคลน หรือสิ่งอื่นใดเนื่องจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม โดยผู้รับสัมปทาน ผู้รับสัมปทานต้องบำบัดปัดป้องความโสโครกนั้นโดยเร็วที่สุด ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานไม่ดำเนินการหรือดำเนินการดังกล่าวจนเกิดความล่าช้า หรือหากไม่ดำเนินการทันที อาจก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติหรือบุคคลอื่นที่อธิบดีมอบหมายอาจเข้าดำเนินการบำบัดปัดป้องความโสโครกนั้นแทนหรือร่วมกับผู้รับสัมปทาน โดยผู้รับสัมปทานเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งหมด”
นอกจากนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้กำหนดแนวทางและมาตรการให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการ
ปัจจุบันกิจการด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) กระทรวงพลังงาน เพื่อให้การดำเนินงานในทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติและกฎกระทรวง ทั้งนี้ก็รวมถึงทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ซึ่งนอกจากที่ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติตามกฏหมายปิโตรเลียมแล้ว ยังจะต้องดำเนินการให้มีการจัดทำรายงานแผนการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (SEM) ก่อนการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน การศึกษาและจัดส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนการเจาะ และการผลิตปิโตรเลียม ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกด้วย
อุปกรณ์พื้นฐานที่เพิ่มความปลอดภัยต่อการขุดเจาะ
ปัจจุบันในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น บังคับให้มีการจัดทำแผนรับมือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาทิเช่น การพลุ่งทะลักของน้ำมัน ณ แท่นขุดเจาะ การรั่วไหลของน้ำมันลงสู่ท้องทะเล และเหตุเพลิงไหม้ ณ แท่นผลิต ที่อาจจะส่งผลอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงได้ โดยแผนรับมือนั้น จะต้องมีการจัดเตรียมและซักซ้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงทีและเต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์
ปัจจุบันในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น บังคับให้มีการจัดทำแผนรับมือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาทิเช่น การพลุ่งทะลักของน้ำมัน ณ แท่นขุดเจาะ การรั่วไหลของน้ำมันลงสู่ท้องทะเล และเหตุเพลิงไหม้ ณ แท่นผลิต ที่อาจจะส่งผลอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงได้ โดยแผนรับมือนั้น จะต้องมีการจัดเตรียมและซักซ้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงทีและเต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์
การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ฝูงปลาอาศัยอยู่อย่างชุกชุมรอบแท่นผลิตปิโตรเลียมในทะเล ที่นับวันแต่จะเพิ่มขึ้นทุกปี แสดงให้เห็นว่าบริเวณรอบแท่นผลิตนั้น สามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ได้อย่างดี
ประเทศไทยกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
ประเทศไทยก็เฉกเช่นทุกประเทศในโลกที่มีความต้องการทางพลังงานที่สูงขึ้นในทุกปี ดังนั้นการสำรวจค้นหาเพื่อให้มีแหล่งและปริมาณสำรองเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการใช้จึงมีความสำคัญ จำเป็นและจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดไป อย่างไรก็ตาม ในการประกอบกิจการดังกล่าว ซึ่งดำเนินอยู่ทั้งในพื้นที่บนบกและในทะเล ก็อาจทำให้หลายคนสงสัยว่า การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น จะก่อให้เกิดส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ดำเนินการหรือไม่ มีความเสี่ยงต่ออันตรายหรือความไม่ปลอดภัยแบบไหนบ้าง
ข้อเท็จจริงที่จะสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็คือ การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในราชอาณาจักรไทยนั้น การดำเนินงานในทุกขั้นตอนของผู้รับสัมปทานจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดและจริงจังของหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ ภายใต้ข้อกำหนดทั้งของพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
รายงานการวิเตราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการเจาะหลุมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะต้องประกอบด้วยงานต่อไปนี้
|
นโยบายและมาตรการป้องกันเรื่องสิ่งแวดล้อม
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) ได้กำหนดไว้ว่า “ผู้รับสัมปทานจะต้องดำเนินการในด้านการป้องกันและบำบัดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมโดยต้องดำเนินการตามมาตรฐานสากล”
และตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ได้กำหนดว่า
“ในการประกอบกิจการปิโตรเลียม ผู้รับสัมปทานต้องป้องกันโดยดำเนินมาตรการอันเหมาะสมตามวิธีการปฏิบัติงานปิโตรเลียมที่ดีเพื่อมิให้ที่ใดโสโครกด้วยน้ำมัน โคลนหรือสิ่งอื่นใด ในกรณีที่ที่ใดเกิดความโสโครกด้วยน้ำมัน โคลน หรือสิ่งอื่นใดเนื่องจากการประกอบกิจการปิโตรเลียม โดยผู้รับสัมปทาน ผู้รับสัมปทานต้องบำบัดปัดป้องความโสโครกนั้นโดยเร็วที่สุด ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานไม่ดำเนินการหรือดำเนินการดังกล่าวจนเกิดความล่าช้า หรือหากไม่ดำเนินการทันที อาจก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติหรือบุคคลอื่นที่อธิบดีมอบหมายอาจเข้าดำเนินการบำบัดปัดป้องความโสโครกนั้นแทนหรือร่วมกับผู้รับสัมปทาน โดยผู้รับสัมปทานเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งหมด”
นอกจากนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้กำหนดแนวทางและมาตรการให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น